Please use this identifier to cite or link to this item:
http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/39676
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.author | นพมาศ ถาธัญ | en_US |
dc.date.accessioned | 2016-12-06T17:05:54Z | - |
dc.date.available | 2016-12-06T17:05:54Z | - |
dc.date.issued | 2014-06 | - |
dc.identifier.uri | http://repository.cmu.ac.th/handle/6653943832/39676 | - |
dc.description.abstract | Background | en_US |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | เชียงใหม่ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | en_US |
dc.subject | ครรภ์ | en_US |
dc.subject | ทารก | en_US |
dc.title | ความถูกต้องของอัตราส่วนของเส้นผ่าศูนย์กลางหัวใจต่อเส้นผ่าศูนย์กลางศีรษะของทารกในครรภ์ ในการทำนายโรคฮีโมโกลบินบาร์ทในกลุ่มทารกที่มีความเสี่ยง | en_US |
dc.title.alternative | Accuracy to Fetal Cardiac Diameter to Biparietal Diameter Ratio as a Predictor to Fetal Hemoglobin Bart’s Disease Among Fetuses at Risk | en_US |
thailis.classification.nlmc | W 4 | - |
thailis.controlvocab.mesh | Dissertations, academic -- Obstetrics and Gynecology | - |
thailis.controlvocab.mesh | Obstetrics | - |
thailis.controlvocab.mesh | Hemoglobins, Abnormal | - |
thailis.manuscript.callnumber | Thesis W 4 Obs. Gyn. น166ค 2557 | - |
thesis.degree | master | en_US |
thesis.description.thaiAbstract | ความเป็นมา: โรคธาลัสซีเมีย เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ทำให้เกิดความผิดปกติของการสร้างเม็ดเลือดแดงจนเกิดภาวะซีด และส่งผลแทรกซ้อนต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยชนิดที่รุนแรง คือ โรคฮีโมโกลบินบาร์ท (hemoglobin Bart’s disease หรือ homozygous alpha-thalassemia-1) ซึ่งทำให้ซีดมาก หัวใจโต และมีบวมน้ำ ทำให้เสียชีวิตทั้งในระหว่างตั้งครรภ์ และหลังคลอด และยังส่งผลกระทบต่อมารดา เช่น ทำให้เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือ ตกเลือดหลังคลอดได้ สำหรับในประเทศไทย พบว่ามีความชุกของโรคค่อนข้างมาก การตรวจวินิจฉัยก่อนคลอดจึงมีบทบาทสำคัญมากในการลดจำนวนทารกที่เป็นโรคและภาวะแทรกซ้อน แต่โดยส่วนมากมักจะเป็นหัตถการรุกล้ำ เช่น การเจาะชิ้นเนื้อรก การเจาะน้ำคร่ำ การเจาะเลือดสายสะดือ ซึ่งมีภาวะแทรกซ้อนตามหลังการทำหัตถการได้ เช่น การแท้ง หรือทารกเสียชีวิต ภาวะหัวใจโตของทารกในครรภ์ที่มีภาวะบวมน้ำจากภาวะซีดด้วยโรคฮีโมโกลบินบาร์ท สามารถตรวจพบได้ด้วยการทำอัลตราซาวด์ โดยดูจากการวัดสัดส่วนของหัวใจต่อขนาดทรวงอก (cardiothoracic ratio: C/T ratio) อย่างไรก็ตาม มักจะมีปัญหาบ่อยครั้งในการตรวจวัดสำหรับแพทย์ทั่วไปที่ไม่คุ้นเคยกับการตรวจวัดมาก่อน แต่ในมาตรฐานตามปกตินั้น แพทย์จะตรวจวัดความกว้างของศีรษะทารก หรือ biparietal diameter (BPD) อยู่แล้ว และมีการตรวจหัวใจในระดับ four-chamber-view เช่นกัน ซึ่งแพทย์ทั่วไปจะมีความคุ้นเคยมากกว่า ทางผู้ทำวิจัยจึงมีความสนใจที่จะทำการศึกษาถึงความถูกต้องในการทำนายโรคฮีโมโกลบินบาร์ทด้วยการวัดอัตราส่วนระหว่างเส้นผ่านศูนย์กลางหัวใจในระดับ four-chamber-view ต่อ BPD หรือ C/B ratio โดยเล็งเห็นว่าเป็นวิธีที่อาจจะนำมาใช้เพื่อทำนายภาวะฮีโมโกลบินบาร์ทที่ไม่ได้เป็นหัตถการรุกล้ำ และเพื่อนำผลการวิจัยที่ได้มาประยุกต์ใช้ในการดูแลสตรีตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงที่จะให้กำเนิดทารกที่เป็นโรคฮีโมโกลบินบาร์ทต่อไป วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินประสิทธิภาพของค่าอัตราส่วนของเส้นผ่าศูนย์กลางหัวใจต่อเส้นผ่าศูนย์กลางศีรษะของทารก (cardiac diameter to biparietal diameter; C/B ratio) ในการทำนายโรคฮีโมโกลบินบาร์ท ขณะกึ่งการตั้งครรภ์ในทารกที่มีความเสี่ยง วัสดุและวิธีการ: เข้าถึงฐานข้อมูลการวินิจฉัยก่อนคลอดหน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารก ค้นหาทารกที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคฮีโมโกลบินบาร์ทขณะกึ่งการตั้งครรภ์ (อายุครรภ์ 18-21 สัปดาห์) ที่ได้ทำการตรวจอัลตราซาวด์สี่มิติชนิด cardio-STIC และเก็บปริมาตรข้อมูล (volume datasets: VDS) ที่จะทราบผลการวินิจฉัยโรคในภายหลังด้วยการตรวจเลือดจากสายสะดือทารก VDS ของทารกแต่ละรายถูกนำมาวิเคราะห์วัดหาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของหัวใจทารกที่ระดับวิวหัวใจสี่ห้องโดยโปรแกรม 4DView แบบ off-line (ไม่ได้ตรวจโดยตรงจากสตรีตั้งครรภ์) โดยผู้วิจัยที่ไม่ทราบผลการวินิจฉัยขั้นสุดท้าย ค่าที่วัดได้นำมาเทียบสัดส่วนกับขนาดศีรษะทารก (biparietal diameter) เพื่อหาค่า C/B ratio ผลการศึกษา: จากสตรีตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงต่อการมีทารกเป็นโรคฮีโมโกลบินบาร์ทซึ่งเก็บปริมาตรข้อมูลได้ 131 VDS จากจำนวนทั้งหมดนี้ 11 VDS ถูกตัดออกจากการศึกษาเนื่องจากคุณภาพของ VDS ไม่ดีพอสำหรับการวิเคราะห์แปลผล จึงเหลือจำนวน VDS ที่ใช้ในการวิเคราะห์จริง 120 VDS ซึ่งผลการวิเคราะห์พบว่าค่า C/B ratio ในทารกที่เป็นโรคมีค่าสูงกว่าทารกปกติอย่างมีนัยสำคัญ (ร้อยละ 53.16 เทียบกับร้อยละ 41.68, P < 0.001) มีความไวในการทำนายการเป็นโรคฮีโมโกลบินบาร์ทร้อยละ 91.5 และความจำเพาะร้อยละ 77.6 (โดยมีพื้นที่ใต้กราฟ 0.929) โดยการใช้จุดตัด (cut-off) ในการแยกทารกผิดปกติที่มีค่าสูงกว่าร้อยละ 45 ซึ่งได้มาจาก ROC curve สรุป: ค่า C/B ratio ของทารกขณะกึ่งการตั้งครรภ์โดยใช้ค่าจุดตัดจำแนกความผิดปกติที่ค่าร้อยละ 45 มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยแยกทารกที่เป็นโรคฮีโมโกลบินบาร์ทในกลุ่มการตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง C/B ratio เป็นเทคนิคที่ทำการวัดได้ง่าย น่าเชื่อถือ และโดยทฤษฎีแล้วอาจประยุกต์ได้ในวงกว้าง แต่ควรทำการศึกษาต่อโดยการใช้อัลตราซาวด์สองมิติ และควรเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับตัววัดอื่นๆ เช่น C/T ratio หรือความหนาของรก เป็นต้น | en_US |
Appears in Collections: | MED: Independent Study (IS) |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
ABSTRACT.pdf | ABSTRACT | 202.74 kB | Adobe PDF | View/Open |
APPENDIX.pdf | APPENDIX | 160.35 kB | Adobe PDF | View/Open Request a copy |
CHAPTER 1.pdf | CHAPTER 1 | 168.33 kB | Adobe PDF | View/Open Request a copy |
CHAPTER 2.pdf | CHAPTER 2 | 189.14 kB | Adobe PDF | View/Open Request a copy |
CHAPTER 3.pdf | CHAPTER 3 | 243.9 kB | Adobe PDF | View/Open Request a copy |
CHAPTER 4.pdf | CHAPTER 4 | 250.41 kB | Adobe PDF | View/Open Request a copy |
CHAPTER 5.pdf | CHAPTER 5 | 312.58 kB | Adobe PDF | View/Open Request a copy |
CONTENT.pdf | CONTENT | 187.42 kB | Adobe PDF | View/Open Request a copy |
COVER.pdf | COVER | 582.8 kB | Adobe PDF | View/Open Request a copy |
REFERENCE.pdf | REFERENCE | 117.19 kB | Adobe PDF | View/Open Request a copy |
Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.